คือว่าอ่านข้อความนี้มา เลยอยากจะทราบว่าน้ำยาลอกสีที่ใช้ มันมีผลต่อการกัดกร่อนล้อแม็กหรือป่าวครับ
---------------------------------------------
ผมเห็นพี่ๆน้องๆ ต้องการลอกสีด้วยน้ำยา และเปลี่ยนสีใหม่ พอดีผมทำงานเกี่ยวกับการลอกสีจึงนำข้อมูลมาแบ่งปันกันครับ ในที่นี้ผมจะกล่าวถึงการลอกสีล้อแม็กซ์ด้วยเคมีลอกสี และการทำสีใหม่ดังนี้
ลักษณะน้ำยาลอกสีแบ่งเป็น 2 ประเภท คือน้ำยาลอกสีวัตถุดิบประเภทอลูมิเนียม และเหล็ก งานลอกอลูมิเนียม ต้องใช้น้ำยาลอกสีประเภทที่เป็นกรด(Acid paint removel) งานลอกเหล็ก ต้องใช้น้ำยาลอกสีประเภทที่เป็นด่าง (Alkaline paint removel) วัตถุประสงค์ เพื่อไม่ให้น้ำยาทำอันตรายกับผิวชิ้นงาน
การลอกอโนไดซ์ หรือโครเมี่ยม จะอันตรายต่อชิ้นงานมาก เพราะเคยลอกด้วยโซดาไฟอ่อนๆ ต้องหมั่นตรวจสอบ และไม่ควรเกิน15 นาที (ในที่นี้ผมเคยคิดเปลี่ยนสีอโนไดซ์เฟรมรอกตกปลา ปรากฎว่าลอกสีไม่มีปัญหา แต่พอเอาไปทำสีอโนไดซ์ รอกตกปลา กร่อนเหลือแต่ซาก และอะไหล่ให้ดูต่างหน้า สรุปคือพังครับ)
การทำสีหลักๆของงานแต่ละงานมีดังนี้ (ระบบที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม) การพ่นสีน้ำมัน หรือสีสเปรย์ แต่ทนแรงขูดขีดไม่ดี และชอบหลุดร่อนง่ายๆ การพ่นสีฝุ่น (Powder Coating)เนื่องจากเป็นสีแข็งทนการกระแทกดี เช่น ใช้ในการพ่นสีล้อแม็กซ์ การชุบสีอโนไดซ์ต่างเป็นสีเงิน,สีทอง,สีต่างๆ นิยมใช้กับวัถุดิบประเภทอลูมิเนียม เช่นวงล้อมอเตอร์ไซด์ การชุบสีไททาเนี่ยมเป็นสีเงิน,สีทอง นิยมใช้กับวัถุดิบประเภทสแตนเลส เช่นกรอบพระที่เป็นสีทอง การชุบสี EDP. ก็จะง่ายที่สุด และกันสนิมได้ดี เช่น คัทซี รถยนต์ หรือตัวถังรถมอเตอร์ไซด์ต่างๆ
ผมพอทราบเกี่ยวกับการพ่นสีล้อแม็กซ์ ปัจจุบันการพ่นสีล้อแม็กซ์ทำการพ่นทั้งหมด 3 ชั้นคือ 1. พ่นสีรองพื้น ด้วยสีฝุ่น ( Powder Coating ) หนา 100-150 ไมครอน 2. พ่นสีน้ำมัน Top Coat หรือสีที่เราต้องการทับสีฝุ่นเป็นชั้นที่สอง หนาประมาณ 50-70 ไมครอน 3. พ่นสีน้ำมัน Clear หรือสีแลคเกอร์ เพื่อความเงาของสี และควรเป็นสี 2k เพื่อความแข็งของสี
ส่วนเรื่องการทำสีชิ้นงานอื่นๆ... ถ้าเป็นสีน้ำมัน(สี Solvent) หลังจากการทำสีที่ต้องการ(Top Coat)ควรพ่นด้วยแลคเกอร์แข็ง 2k ทับอีกครั้งเพื่อกันการขูดขีด และร่อน ถ้าเป็นสีฝุ่น (Powder Coat)ก็สามารถใช้งานได้เลย เพราะมีความแข็งจากการอบร้อน 180 องศา ซี่งการทำต้องเตรียมผิวให้ดีปราศจากน้ำมัน เพราะจะทำให้สีเดือดพอง หรือสีไม่ติด 1. ต้องเตรียมผิวให้ดีปราศจากน้ำมัน เพราะจะทำให้สีเดือดพอง หรือสีไม่ติด ( ขั้นตอนการล้างคราบไขมัน ) 2. เตรียมผิวด้วยฟอลเฟต หรือไอออนฟอสเฟต เพื่อใช้กันสนิมในอนาคต ( การเตรียมผิวก่อนพ่นสี ) 3. อบชิ้นงานให้แห้งด้วยอุณหภูมิ 120 C เพื่อไล่น้ำ และความชื้น ทำให้สีเกาะชิ้นงานได้ดียิ่งขึ้น 4. พ่นสีฝุ่นด้วยปืนพ่นสีฝุ่น โดยเฉพาะ เนื่องจากในสีฝุ่นมีประจุไฟฟ้าขั้วลบ และชิ้นงานเป็นประจุขั้วบวก ทำให้สีวิ่งเข้าหาชิ้นงานได้ทั่วทั้งหน้า-หลัง 5. อบสีให้ละลาย ที่อุณหภูมิ 180 C เป็นเวลา 30 นาที ซึ่งเวลาแล้วแต่ความหนาของเหล็ก 6. รอให้สีคลายเครียด เป็นเนื้อเดียวกัน และแข็ง ประมาณ 20 นาที จึงนำไปใช้งานได้
|